อาการคันน้องหมา เกิดจากอะไรได้บ้าง?
อาการคันน้องหมา เกิดจากอะไรได้บ้าง?
เจ้าของสุนัขหลายท่านคงเคยเห็นพฤติกรรม กัดแทะ เลียตามตัว อุ้งเท้า เกาหู
เอาหน้าข้างตัวถูกับผนังกำแพง
ซึ่งอาการเหล่านี้คือพฤติกรรมการคันของสุนัขโดยส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาโรคผิวหนัง
อาการคันส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของสุนัขและสร้างความกังวลใจกับเจ้าของสุนัขจำนวนมาก
หัวข้อในวันนี้จะสรุปสาเหตุของอาการคันในสุนัขแบ่งออกเป็น 5 สาเหตุ ได้แก่
1. ความไม่สมดุลทางโภชนาการ
เนื่องจากอาหารมีส่วนสำคัญที่ทำให้ขนและผิวหนังแข็งแรง
นอกจากนี้ยังส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ
ถ้าสุนัขได้สารอาหารที่ไม่มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
จะส่งผลให้ผิวหนังแห้ง
ติดเชื้อได้ง่ายก่อให้เกิดปัญหากับผิวหนังและเกิดการคัน
ดังนั้นควรให้สุนัขกินอาหารที่มีคุณภาพและครบสัดส่วนที่ร่างกายต้องการ
อาจให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปที่ได้มาตรฐาน
หรือปรุงอาหารเองโดยเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ
นอกจากนี้สามารถเสริมกลุ่มวิตามิน หรือ โอเมก้า 3 และ โอเมก้า 6
จะช่วยให้ผิวหนังแข็งแรงและเงางามมากขึ้น
2. ปรสิตภายนอก
ปรสิตที่มองเห็นด้วยตาเปล่าได้แก่ เห็บ หมัด เหา
สุนัขจะคันบริเวณที่โดนกัด มีตุ่มสะเก็ดขึ้นตามตัว
นอกจากนี้หมัดยังก่อให้เกิดภูมิแพ้ผิวหนังจากน้ำลายหมัด
ส่วนปรสิตที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ได้แก่ ตัวไร ที่พบได้บ่อยคือ
ไรขี้เรื้อนเปียก(demodex)
สุนัขมีอาการคันเนื่องจากติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่ผิวหนัง
ขี้เรื้อนเปียกไม่ใช่โรคติดต่อกันในสุนัข สาเหตุหลักเกิดจาก
ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ป่วยด้วยโรคอื่นเรื้อรัง หรือโรคฮอร์โมน
ไรขี้เรื้อนแห้ง
(sarcoptes) สุนัขจะมีอาการคันมาก เป็นโรคติดต่อระหว่างสุนัขที่อยู่รวมกัน
และทำให้คนที่สัมผัสเกิดอาการแพ้ได้
การรักษาจะง่ายและใช้ระยะเวลาสั้นกว่าขี้เรื้อนเปียก
ไรในหู (otodectes) สุนัขจะมีอาการคันหู และพบขี้หูเป็นสีดำหรือน้ำตาลเข้ม
การวินิจฉัยควรให้สัตวแพทย์ขูดตรวจผิวหนัง ดูปรสิตผ่านกล้องจุลทรรศน์
3. การติดเชื้อที่ผิวหนัง
ได้แก่ เชื้อรา แบคทีเรีย ยีสต์ ในการติดเชื้อรามักพบในกลุ่ม
dermatophytes ซึ่งสุนัขจะไม่ค่อยคัน
แต่เป็นโรคติดต่อระหว่างสัตว์ด้วยกันและสัตว์เลี้ยงสู่คนได้
เชื้อยีสต์
พบได้ในผิวหนังปกติและไม่ก่อให้เกิดอาการทางผิวหนัง
แต่ถ้ามีสาเหตุอื่นๆมากระตุ้น เช่น ภูมิแพ้ ฮอร์โมน
ยีสต์จะเพิ่มจำนวนและก่อให้เกิดโรคผิวหนังได้ ลักษณะส่วนใหญ่ คือ
ผิวหนังมันเยิ้ม มีกลิ่นและคัน ผิวหนังดำและหนาตัว
ในสุนัขปกติเชื้อแบคทีเรียจะไม่ก่อให้ปัญหาโรคผิวหนังเช่นเดียวกับยีสต์ เพราะร่างกายสุนัขมีกลไกป้องกันผิวหนังจากเชื้อแบคทีเรีย แต่ถ้ามีปัจจัยอะไรก็ตามที่มาทำลายผิวหนัง ได้แก่ ภูมิแพ้ การอักเสบ แผลหรือรอยถลอก ซึ่งส่งผลต่อกลไกการป้องกันของผิวหนัง แบคทีเรียเหล่านี้จะเพิ่มจำนวนและสามารถเข้าสู่ผิวหนังเกิดการติดเชื้อตามมา สุนัขจะเกิดอาการคัน
4. ภูมิแพ้ผิวหนัง
ภูมิแพ้เป็นโรคเฉพาะตัวของสุนัข
สารก่อภูมิแพ้จะทำให้เกิดโรคผิวหนังกับสุนัขที่แพ้เท่านั้น
สุนัขอีกตัวที่ไม่เป็นภูมิแพ้จะไม่แสดงอาการแม้ว่าจะเลี้ยงด้วยอาหารและสิ่งแวดล้อมที่เหมือนกัน
ภูมิแพ้ในสุนัขแบ่งเป็น 4 สาเหตุหลัก ได้แก่
ภูมิแพ้อาหาร
สุนัขมักมีประวัติเคยได้รับอาหารชนิดนั้นมาก่อน
สารที่ก่ออาการแพ้มักเป็นโปรตีนหรือวัตถุกันเสียที่อยู่ในอาหาร เช่น
อาหารเม็ดสำเร็จรูป เนื้อวัว นมและผลิตภัณฑ์จากนม ไก่ ไข่
ถั่วเหลืองและข้าวโพด
ซึ่งการวินิจฉัยภูมิแพ้อาหารนั้นควรได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์โดยจะมีขั้นตอนและการทดสอบให้ปฏิบัติ
ภูมิแพ้หมัด
เกิดจากหมัดกัดและมีการปล่อยน้ำลายจากตัวหมัดเข้าสูผิวหนังสุนัข
ซึ่งน้ำลายหมัดประกอบด้วยสารคล้ายฮิสตามีน(สารกระตุ้นการอักเสบ)ทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง
สุนัขจะมีอาการคัน
อักเสบและก่อให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนตามมาได้ร
ภูมิแพ้สิ่งสัมผัส
เกิดจากสุนัขมีการสัมผัสโดยตรงกับสิ่งที่กระตุ้นการแพ้เช่น ที่นอน
สารเคมีในน้ำยาถูพื้น สนามหญ้า โดยจะพบบริเวณที่มีขนปกคลุมน้อย ได้แก่
ซอกขาหนีบ ด้านล่างลำตัว ใต้ท้อง ฝ่าเท้า
ภูมิแพ้ละอองในอากาศ
สามารถกระตุ้นให้เกิดการแพ้ที่ผิวหนัง โดยสูดเอาละอองสารก่อภูมิแพ้ เช่น
ละอองเกสร ละอองจากพืช ไรฝุ่น ซากมดซากแมลง เชื้อรา
เป็นระยะเวลาหนึ่งจนเกิดการกระตุ้นภูมคุ้มกันในร่างกาย
มักพบในสุนัขอายุ1-3ปี
นอกจากนี้กรรมพันธุ์ก็มีส่วนในการเกิดภูมิแพ้ละอองอากาศ
การวินิจฉัยโรคนี้ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อไม่ให้สับสนกับสาเหตุอื่นและสามารถทราบสาเหตุการแพ้โดยการทำ
intradermal skin test
5. พฤติกรรม
พบในสุนัขที่ไม่ชอบอยู่นิ่งและเบื่อง่าย
เจ้าของจะเห็นสุนัขเลียเท้าหรือปลายขาบ่อยๆ สาเหตุเกิดจากความเครียด
รู้สึกไม่ได้รับความสนใจ รู้สึกเบื่อ โดนกักขัง ปัญหานี้สามารถจัดการได้โดย
พาสุนัขออกกำลังกาย หากิจกรรมทำร่วมกันระหว่างสุนัขกับเจ้าของ
เปลี่ยนอาหารให้เกิดความน่าสนใจ
หาของเคี้ยวเล่นหรือหาสุนัขตัวอื่นมาเป็นเพื่อน
การรักษาโรคผิวหนังให้ได้ผลดีควรมีการวินิจฉัยหาสาเหตุโดยสัตวแพทย์ เพราะโรคผิวหนังที่มีอาการเหมือนกันอาจเกิดจากสาเหตุแตกต่างกัน หรือเกิดหลายสาเหตุร่วมกันได้ เจ้าของสุนัขก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยในการช่วยวินิจฉัย โดยสัตวแพทย์จะทำการซักประวัติเจ้าของที่พาสุนัขมา เช่น ระยะเวลาที่เกิดอาการ ประวัติการใช้ยา อาหารและที่อยู่อาศัย อาการผิวหนัง บริเวณที่เริ่มเป็น ดังนั้นถ้าเจ้าของทราบประวัติของสุนัขเป็นอย่างดีก็จะทำให้สัตวแพทย์วินิฉัยได้ง่ายขึ้น
ที่มา บทความโดย
คุณหมอลาวัลย์ หล้าสุพรหม
เผยแพร่ที่
รู้ทันโรค
หน่วยโรคผิวหนัง
โรงพยาบาลสัตว์ ม.เกษตร บางเขน